หลังจากผ่านซีซั่นแรกไป นี่คือซีรีส์ที่พิลึกพิลั่นและแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยรับชมมาอย่างไม่ต้องสงสัย กระนั้น ความประหลาดที่ผู้ชมได้สัมผัสมาแล้วในซีซั่นแรกกลับดูเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อซีซั่นที่สองนี้ได้ทั้งเฉลยปริศนาและเพิ่มความประหลาดดั้งเดิมให้ทวีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และผู้ชมที่ผ่านการรับชมซีซั่นแรกมาแล้วก็น่าจะพร้อมจะดำดิ่งต่อไปกับความแปลกประหลาดนี้เช่นกัน รีวิวซีรี่ย์มาใหม่ ในตอนเริ่มเรื่อง มาร์คได้พบกับลูกทีมคนใหม่ แต่บุคคลเหล่านี้เป็นเพียงตัวละครประกอบที่ปรากฏในเวลาอันสั้น เนื่องจากไม่นานนักเขาก็ได้ร่วมงานกับทีมเดิมอีกครั้ง ซึ่งบทซีรีส์สร้างเหตุผลรองรับการกลับมาทำงานของทุกคนได้อย่างแนบเนียน โดยนำเสนอเรื่องราวของ “คนนอก” ของตัวละครแต่ละคนที่ได้รับผลกระทบจาก “คนใน” ที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายของซีซั่น 1 ซีรีส์เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สำรวจอีกด้านหนึ่งของชีวิตตัวละครอย่างลึกซึ้ง เผยให้เห็นว่าพวกเขาแตกต่างจาก “คนใน” มากเพียงใด อีกทั้งยังช่วยให้ซีรีส์มีโอกาสขยายขอบเขตการเล่าเรื่องออกไปสู่โลกภายนอกมากกว่าที่จะจำกัดอยู่เพียงในพื้นที่เดิมดังเช่นในซีซั่นแรก ส่งผลให้เรื่องราวมีความสนุกสนานมากขึ้น เมื่อ “คนนอก” และ “คนใน” ได้มีปฏิสัมพันธ์กันในรูปแบบที่แตกต่าง แม้จะเป็นการเชื่อมโยงโดยอ้อม แต่ก็เป็นแนวคิดที่ไม่มีซีรีส์เรื่องใดนำเสนอได้อย่างลงตัวเช่นนี้ ดังเช่นประเด็นที่การกลายเป็นกิ๊กกับภรรยาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ซีรีส์นำเสนอความแปลกประหลาดของการแยกความทรงจำที่ลึกซึ้งกว่าในซีซั่นแรก เมื่อเราได้พบว่ามันไม่ได้มีเพียงสองบุคลิกภาพแต่อาจมีได้นับไม่ถ้วน แม้ว่าเรื่องราวจะไม่เปิดเผยความลับทั้งหมดของลูมอน แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าสิ่งที่บริษัทกำลังดำเนินการนั้นเป็นการปฏิวัติโลกอย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้จริงๆ เพียงแต่ว่าวิธีการของลูมอนเปรียบเสมือนคุกที่แยกขังจิตใจแต่ละส่วนของบุคคล ซึ่งแม้ “คนนอก” จะยินยอมผ่านสัญญาการทำงาน แต่ก็เป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักจริยธรรม ซีรีส์นำเสนอแนวคิดเรื่องความเป็นปัจเจกบุคคลได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะผ่านตัวละครมาร์คที่พยายามรวมสองโลก (หรือรวมความทรงจำ) บางส่วนเข้าด้วยกัน แต่เมื่อทั้งสองบุคลิกได้ล่วงรู้ถึงความต้องการของอีกฝ่าย พวกเขากลับกลายเป็นคนละคนที่มีแนวทางชีวิตแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ซีรีส์สืบสวนตลกที่เป็นเหมือน Knives Out ฉบับยาว จาก ชอนดา ไรมส์ (Shonda Rhimes) ผู้สร้างซีรีส์ Bridgerton โดยเรื่องราวเกิดในทำเนียบขาวที่มีห้องพัก 132 ห้อง ผู้ต้องสงสัย 157 คน ศพ 1 ศพ นักสืบแปลกประหลาด 1 คน และงานเลี้ยงประจำรัฐที่ล้มเหลว ด้วยความที่ตัวเรื่องพยายามทำให้เหมือน Knives Out แต่โจทย์คือการขยายเป็นซีรีส์ ทำเนียบขาวจึงกลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกที่เต็มไปด้วยตัวละครซับซ้อนมากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มความยาวของเรื่องได้ง่ายๆ โจทย์สำคัญที่สุดคือการสร้างนักสืบอัจฉริยะที่มีบุคลิกแปลกประหลาดเพื่อใช้เป็นตัวเดินเรื่องไขคดี แต่ปัญหาคือแนวคิดนี้ไม่เวิร์คเลยกับการทำเป็นซีรีส์แบบนี้ ปัญหาใหญ่เลยคือคาแรกเตอร์ของตัวนักสืบที่แสดงโดย Uzo Aduba การแสดงของเธอไม่ได้เป็นปัญหา แต่บทไม่ชวนให้รู้สึกว่านี่เป็นนักสืบที่มีเสน่ห์ ความรู้สึกระหว่างการรับชมกลับตรงกันข้าม เธอชอบดูนกอยู่ตลอดเวลาแม้ในระหว่างสืบคดี และใช้การพูดถึงสายพันธุ์นกเปรียบเทียบอธิบายผู้คนที่รอฟังเธอไขคดี อ่านดูอาจจะพิเศษ แต่นี่เป็นซีรีส์ เธอจึงต้องพูดพร่ำเกี่ยวกับนกผสมคดีตลอดความยาว 8 ตอน ซึ่งฟังแล้วทั้งน่าอึดอัดและน่ารำคาญมากที่ต้องฟังบทพูดยืดเยื้อเกี่ยวกับความหลงไหลนกของเธอ ทั้งการเล่าอดีตที่ไปดูนกที่ต่างๆ สักพักก็วกกลับมาพูดถึงคดีที่กำลังสืบสวน ซีรีส์ใช้วิธีการสร้างเรื่องของแต่ละคนเพื่อขยายเวลาในการทำเป็นซีรีส์เท่านั้น โดยที่ต้องฟังผ่านบทพูดไปเรื่อยของตัวนักสืบที่พยายามไม่โชว์ความสามารถบอกใคร แต่ถ้าอยากโชว์ก็พูดเหมือนเป็นอัจฉริยะแบบถูกทุกอย่าง แต่มันเป็นการเขียนบทนำทางล่วงหน้าไว้ก่อนให้เธอรู้คนเดียว ก่อนพูดพ่นออกมาให้ตรงเป๊ะ กลายเป็นให้ความรู้สึกอัจฉริยะปลอม มากกว่าบทที่ทำให้คนดูรู้สึกทึ่งและคิดตามไปเรื่อยๆ…

รีวิวซีรี่ย์มาใหม่ Si Jin ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ เล่าเรื่องราวของ เจียงซื่อ คุณหนูสี่แห่งจวนตงผิงปั๋ว เธอได้รับโอกาสในการกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอจึงมีปณิธานแรงกล้าในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองและไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตนเอง โดยเธอเริ่มจากการถอนหมั้น และเผชิญหน้ากับอาสะใภ้ผู้ไม่หวังดีกับเธอ แต่ในระหว่างนั้นเธอได้เข้ามาพัวพันกับ อวี๋ชี ผู้บัญชาการหนุ่มซึ่งปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ทั้งสองร่วมมือกันสืบคดีปริศนา และร่วมขีดเขียนชะตาชีวิตของกันและกันอีกครั้ง เป็นการมาถึงอีกครั้งของซีรีส์จีนซึ่งแต่งเติมเนื้อหาด้วยการย้อนเวลากลับมาเปลี่ยนชะตาชีวิตของนางเอก ซึ่งพล็อตเนื้อหาก็อาจจะเรียกว่าเป็นสูตรสำเร็จที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในแนวย้อนยุค-โรแมนติก โดยเราจะสัมผัสกับเนื้อหาการชิงดีชิงเด่นภายในตระกูล การสืบหาเบาะแสของคดีปริศนา การเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจในพระราชวัง รวมถึงปมปัญหาในการยืนหยัดด้วยลำแข้งของนางเอก และชาติกำเนิดของพระเอกซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิดเอาไว้ แม้ส่วนเนื้อหาที่กล่าวมามันอาจจะเป็นสิ่งเดิม ๆ แต่เราเชื่อว่ายังเติมความสนุกให้คอซีรีส์จีนที่ชื่นชอบในซีรีส์แนวนี้ได้เป็นอย่างดี ทว่ารายละเอียดปลีกย่อยในส่วนของแต่ละเนื้อหาก็วางกลยุทธ์และความเป็นตัวเองของซีรีส์ได้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะในบางครั้งเราจะพบว่าคนในตระกูลหลักอยู่เคียงข้างฝั่งนางเอกไม่เยอะมาก แต่ไม่ใช่กับเจียงซื่อเพราะพ่อและพี่ชายของเธอคอยสนับสนุนเธอตลอด หรือการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกและคนใกล้ชิด เรารู้สึกว่ามีการวางชั้นเชิงได้ยกระดับและทำให้แตกต่างจากซีรีส์พล็อตประมาณนี้ที่เคยผ่านตามาได้ดีเหมือนกัน อีกทั้งนางเอกยังมีความระมัดระวังตัวทำให้เกิดเป็นการต่อปากต่อคำกับพระเอกอยู่บ่อย ๆ เติมสีสันให้ซีรีส์มากยิ่งขึ้น

เรื่องราวของตองที่อยู่บ้านเด็กกำพร้าแต่โชคชะตากลับพาเขาและต้นกล้าเพื่อนสนิทของตองให้ต้องมาในเมืองใหญ่ เขาแอบไปทำงานแทนต้นกล้าเพราะตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้เล่นหรือทำงานอะไรเลยเพราะเป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด เขาได้เจอกับมาร์คแวมไพร์อายุ 200 ปี มาร์คให้ตองมาเสิร์ฟน้ำบนห้องแต่กลับเกิดอุบัติเหตุทำให้ตองเลือดออก มาร์คทนไม่ไหวจึงดื่มเลือดตองไป 1 หยด แล้วก็เหมือนเขาไม่มีสติพยายามกัดตอง แต่สุดท้ายเขาก็ได้สติและพาตองหนีออกมาจากงานเพราะในงานมีแต่แวมไพร์รวมไปถึงนกันต์ลูกพี่ลูกน้องของมาร์คแวมไพร์วัย 250 ปีที่ดูจะต้องการเลือดของตอง มาร์คจึงพาตองหนีมาและบอกกับตองว่าเขาเป็นแวมไพร์และยังบอกเรื่องเลือดของตองว่าเป็นเลือดพิเศษสีทองที่เป็นที่ต้องการของแวมไพร์ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องไปดูกัน ชอบเรื่องนี้เพราะเป็นแนวโรแมนติกแฟนตาซี พล็อตเรื่องคือเป็นเรื่องราวของตองที่เป็นคนที่มีเลือดพิเศษที่แวมไพร์ต่างต้องการ แต่เขากลับไม่รู้จึงไปงานที่ตระกูลของมาร์คแวมไพร์ 200 ปีจัดขึ้น แต่กลับเกิดเรื่องทำให้เขาเลือดออกจนไปกระตุ้นให้แวมไพร์ในงาน มาร์คจึงต้องพาเขาหนีและต้องคอยปกป้องตอง เดินเรื่องได้เรื่อยๆ ไม่ช้าไม่เร็ว แต่ก็ไม่ยืดยาด เป็นแนวแฟนตาซีจ๋าเลยแต่คือน่าสนใจมาก อยากให้ไปดูค่ะ

รีวิวซีรี่ย์มาใหม่ Villains Everywhere (2025) ซีรี่ย์เกาหลีแนวตลกครอบครัวเกี่ยวกับพี่สาวน้องสาววัยกลางคน, สามีและลูก ๆ ของพวกเขาที่อาศัยอยู่ร่วมกันในโลกที่เต็มไปด้วยคนร้าย ๆ และรวมถึงจะเจาะลึกเรื่องราวในชีวิตประจำวันของพวกเขาที่บางครั้งก็ยากลำบากแต่บางครั้งก็อบอุ่นเสียเหลือเกินของความสัมพันธ์แบบพี่สาวน้องสาวและสมาชิกในครอบครัว นำแสดงโดย โอนารา รับบทเป็น โอนารา ภรรยาของ ซอฮยอนชอล และคุณแม่ของลูก 2 คนที่ชอบมีนิสัยเผด็จการและใช้ชีวิตราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ รวมถึงไม่มีใครสามารถหยุดเธอจากการชนะได้ เธอเคยมีอดีตอันน่าตื่นเต้นจากความรักและการทำงานในอดีตที่เคยเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจนได้มีโอกาสเดินทางไปทั่วโลก แต่เธอก็เก็บงำเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้เพราะสามีอันแสนจะหัวโบราณของเธอ โซยูจิน รับบทเป็น โอยูจิน น้องสาวของ โอนารา และภรรยาของ ซงจินอู เธอเปรียบเสมือนผู้คนในชนชั้นสูงซึ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาเอกเอกด้านอาหารและโภชนาการ รวมถึงเธอมีความฝันที่จะเป็นคุณแม่ลูกสองแบบพี่สาวของเธอ แต่ในความเป็นจริง เธอทำงานเป็นเพียงแค่อาจารย์พิเศษในชั้นเรียนสอนทำอาหาร และ ซอฮยอนชอล รับบทเป็น ซอฮยอนชอล สามีของ โอนารา และเป็นหัวหน้าทีมวางแผนของบริษัทขนาดใหญ่ ในฐานะเจ้านายที่อ่อนไหว เขาคิดว่าโลกอาจจะล่มสลายในไม่ช้าเพราะมันไม่มีความมั่นคงเอาเสียเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง ฮยอนชอล ซึ่งชีวิตล้มลงโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไร ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการตื่นตระหนก เขาจึงออกไปค้นหาตัวตนและต้นเหตุที่ทำให้เขาล้มลงในวันนั้น

The Potato Lab (2025) ปลูกรักนักวิจัย เป็นซีรีส์โรแมนติกที่ผสมผสานโลกของการวิจัยทางการเกษตรเข้ากับความรักสุดละมุน เรื่องราวของ ชเวยูริม นักวิจัยมันฝรั่งผู้หลงใหลในการพัฒนาสายพันธุ์ที่ดีที่สุด กับ คังแทจุน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เข้ามาดูแลโปรเจกต์พัฒนามันฝรั่งเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร แม้ทั้งสองจะมาจากโลกที่แตกต่างกัน ยูริมเป็นนักวิจัยที่รักธรรมชาติและไม่สนใจโลกธุรกิจ ส่วนแทจุนคือคนที่คิดแต่ผลกำไรและต้องการให้โปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันใน “The Potato Lab” ห้องทดลองที่อัดแน่นไปด้วยหัวมันฝรั่ง และความรักที่ค่อยๆ เบ่งบานขึ้นโดยไม่รู้ตัว The Potato Lab เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจ ด้วยเคมีสุดปังของนักแสดงนำ โดยเฉพาะ มีคยอง ตัวเอกหญิงที่ฉีกกฎซีรีส์เกาหลีแบบเดิม ๆ นางไม่ได้เป็นสาวน้อยน่ารักสดใสที่รอให้พระเอกมาปกป้อง แต่กลับเป็นสาวแกร่ง ปากแซ่บ พร้อมบวกทุกสถานการณ์ ทั้งยังอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เพราะอยู่ในช่วงเลิกบุหรี่ไปอีก เล่าเรื่องแบบสนุกสนาน ดูเพลิน บันเทิงมาก พร้อมพาเราไปสำรวจอาชีพนักวิจัย และไร่มันฝรั่งที่สวยงาม ความเฮฮามาเป็นระยะ มีหลายฉากที่สร้างความประทับใจ อาทิ ฉากที่พระเอกหนีนกไล่จิกจนกลิ้งตกทุ่งมันฝรั่งแบบไม่ไว้หน้าหล่อ ๆ เป็นโมเมนต์เล็ก ๆ ที่สร้างความแตกต่าง และน่าจดจำได้เป็นอย่างดี รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ…